ไปเที่ยวเมืองกาญจน์มาครับ ..

หลังจากกลับมาจากหัวหินก็มีโปรแกรมเดินทางไปเที่ยวกันอีกใน 2 สัปดาห์ต่อมา โดยคณะของเรามีจุดหมายปลายทางอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งใจจะแวะเอาโมเดลไดโนเสาร์ที่คุณย่าสั่งซื้อให้เอแคลร์จาก 7 Catalog ไปให้พี่บอลที่ท่าม่วงด้วย ส่วนคุณย่าจะแวะไปทำสัญญาให้เช่าที่ดินที่นครปฐมพร้อมกันด้วยเลย คราวนี้น้องเอแคลร์ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปซักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ระเริงลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำของรีสอร์ท แล้วมีพี่บอลเป็นเพื่อนเล่นสนุกกันได้ทั้งวันจนไม่ค่อยจะมีเวลาถ่ายรูปนั่นเอง ก็คงจะต้องใช้รูปจากกล้องป๊ะป๋ามาใส่ในบล็อคนี้กันบ้างล่ะครับ


ขนสัมภาระใส่รถ .. ก่อนออกเดินทาง ..


แรกๆ ก็ยังระรื่นอยู่ .. ซักพักรอนานไปหน่อย เริ่มง่วง ..

ล้อหมุนกันเวลา 9:45 น.วิ่งออกลาดพร้าวปรากฎว่าคุณอาลืมโทรศัพท์เลยย้อนกลับมาเอา แต่ที่ไหนได้มันก็อยู่ในกระเป๋านั่นเอง แฮ่ๆๆ ก็เลยวนกลับมาใช้เส้นทางเดิมอีกที ลาดพร้าว รัชดาฯ หน้าศาลอาญา แวะเติมน้ำมันปั๊มสวัสดิการของศาล เสร็จแล้วมุ่งหน้าข้ามสะพานรัชโยธิน ข้ามถนนวิภาวดี ข้ามสะพานแยกประชานุกูล แยกวงศ์สว่าง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานพระราม 7 ลงสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ ตรงเข้าแยกบางพลัด เลี้ยวขวาเข้าถนนสิริธร แล้ววิ่งตรงยาวสู่ถนนพุทธมณฑล สุดถนนข้ามสะพานเลี้ยวขวาเพื่อออกสู่ถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าตรงเข้านครปฐม

แวะปั๊มน้ำมันเพื่อเข้าห้องน้ำ แล้วก็เลยถือโอกาสซื้อเสบียงสำรองเพื่อเตรียมรองท้องด้วยข้าวผัดปู 1 กล่องพร้อมของขบเคี้ยวอีกจำนวนหนึ่ง เราไม่เข้าตัวเมืองโดยตรงไปเลี้ยวขวาที่แยกมาลัยแมน ใช้เส้นทางกำแพงแสน-สุพรรณบุรี เข้าวัดทุ่งรีเพื่อไปทำธุระเรื่องที่ดินเสียหน่อย โดยไปถึงที่ดินเวลาประมาณ 11 โมงเศษ เพราะเดินทางกันแบบไม่รีบร้อนเพื่อความปลอดภัย คุณย่าจัดการตรวจสอบเอกสาร เดินดูที่ดินที่จะให้เช่า ตกลงกับผู้เช่าในรายละเอียดต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ลงชื่อในสัญญาเช่าก็เป็นอันเสร็จพิธีเรียบร้อยดี


จอดรอคุณย่าทำธุระบริเวณทางเข้าหน้าโรงเรียนวัดทุ่งรี .. มีรถเหมือนของป๊ะป๋าจอดอยู่ด้วย ..

ส่วนเอแคลร์ก็เอาเกมออกมาเล่น เลยได้รูปถ่ายมาแค่นี้เอง ส่วนป๊ะป๋าเดินดูโน่นนี่นั่นเพราะอะไรต่ออะไรก็เปลี่ยนไปเยอะมาก จากครั้งสุดท้ายที่มางานพระราชทานเพลิงศพของหลวงตาเมื่อหลายปีก่อน (หลวงตาคือพี่ชายของตาของป๊ะป๋าเอแคลร์ที่เป็นเคยเจ้าอาวาสวัดทุ่งรีนี้แหละ) วันนี้ทุกอย่างเจริญขึ้นกว่าเดิมจนจำแทบไม่ได้ ป๊ะป๋าเล่าให้ฟังว่าเมื่อครั้งยังเด็กเคยมานอนค้างที่วัดนี้ ยังมีแต่ที่ว่างเปล่ารกร้าง กุฏิเก่าๆ โทรมๆ  โรงลิเก ห้องน้ำที่สร้างด้วยสังกะสีตอกปิดทับโครงไม้แบบง่ายๆ ส้วมฐานซีเมนต์แบบบ้านนอก โบสถ์ หอระฆังเก่าๆ แต่ในวันนี้ทุกอย่างถูกพัฒนาให้ใหม่ทันสมัย สวยงามขึ้นด้วยแรงศรัทธาจากชาวบ้านที่นั่น และพุทธศาสนิกชนทุกคนที่มีจิตใจอันเป็นกุศลมาร่วมกันปรับปรุงซ่อมแซมให้วัดยังคงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ บ่มเพาะคนในพื้นที่ให้มีความรู้เคียงคู่กับจิตใจที่ดีงามต่อไป

อ้าว..ว่าจะเขียนเรื่องไปเที่ยว ไฉนจึงมาลงที่เรื่องวัดไปได้ล่ะเนี่ยะ ออกเดินทางกันต่อดีกว่า ..

ออกจากที่ดินที่หน้าวัดทุ่งรีประมาณเที่ยงเศษ โดยใช้เส้นทางกำแพงแสน(เส้นทาง 346) เลี้ยวซ้ายผ่านพระแท่นดงรัง(เส้นทาง 3081) ออกสู่ อ.ท่าเรือ จากนั้นเลี้ยวขวาใช้เส้นทาง 323 มุ่งหน้าเข้าเมืองกาญจน์ แวะทานข้าวกลางวันกันที่ร้านของฝากโรงงานวุ้นเส้นท่าเรือ อิ่มท้องแล้วก็มุ่งหน้าสู่ท่าม่วงเพื่อแวะหาพี่บอลจะได้พาพี่บอลไปเล่นน้ำกันที่รีสอร์ท


คุณย่ากับคุณอาทานข้าวที่โรงงานวุ้นเส้นท่าเรือ ส่วนเอแคลร์มานั่งรอ ..

และแล้วเราก็มาถึงรีสอร์ทจนได้ในเวลาประมาณบ่าย 2 โมงกว่าๆ ครั้งนี้เราเข้าพักกันที่ มนต์เสน่ห์ริเวอร์แคว ทางเข้าอยู่บริเวณท่าทรายไพบูลย์ก่อนถึงเมืองกาญจน์ประมาณ 6 กิโลเมตร มีหาดทรายส่วนตัวอีกต่างหาก มีสระว่ายน้ำให้เอแคลร์ลงเล่นได้ทั้งวันด้วย ไปถึงเช็คอิน ขนของเข้าห้องพักเสร็จก็พากันลงมาเล่นน้ำกับพี่บอลเลย ส่วนป๊ะป๋าไม่ค่อยสบายถ่ายรูปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องแอบขึ้นมานอนก่อน เพราะตอนเย็นมีนัดทานข้าวเย็นกับบ้านปู่เกื้อกับย่าวรรณ ด้านเอแคลร์กับพี่บอลก็เล่นน้ำยาวไปจนเย็นเลย


เราพักกันที่นี่แหละครับ ..


เอแคลร์กับคุณย่า แล้วก็พี่บอล


สระว่ายน้ำที่เป็นเหมือนสระส่วนตัวเลย .. เพราะไม่มีใครมาเล่นเลย ..

ไปทานข้าวเย็นที่ครัวแก้มแดง ไม่ได้ถ่ายรูปเลยเพราะเอแคลร์มัวแต่กิน มัวแต่เล่น ป๊ะป๋าก็ง่วงเลยไม่มีรูปที่ร้านซักรูปเลย กลับมาก็มาเล่นเขียนไฟถ่ายรูปกัน นำทีมเล่นโดยอาเก๋ กับอาสามารถ โดยมีน้องลูกหมีที่เจอกันที่สระว่ายน้ำเมื่อตอนเย็นมาเล่นด้วยที่หาดทรายริมแม่น้ำแคว เด็กๆ อย่างเอแคลร์และผองเพื่อนๆ ก็สนุกกันจน 4 ทุ่มกว่าโดยไม่รู้ตัว เล่นเอาป๊ะป๋าแทบจะหลับอยู่ที่เก้าอี้ชายหาดซะแล้ว


เดินลงมาที่ชายหาด(ส่วนตัว) โดยใช้ทางนี้แหละ ..


เล่นเขียนไฟ ถ่ายรูป .. อ๋อ .. มันเล่นอย่างนี้นี่เอง ..


พอเช้าอีกวัน เด็กๆ ก็พาลงมาเล่นน้ำกันอีก ..

ตื่นเช้ามาก็ไปทานอาหารเช้ากัน มีไลน์บุฟเฟ่ท์ไม่มากแต่ก็ครบครับทั้งไส้กรอก แฮม ไข่ดาว ขนมปัง น้ำผลไม้ ชา กาแฟ ข้าวต้ม แกงจืด ผัดซีอิ๊ว อะไรประมาณนี้แหละครับ เด็กๆ รีบกินกันเพราะจะลงเล่นน้ำกันอีก ส่วนผู้ใหญ่ก็นั่งคุยๆ ผึ่งพุงย่อยอาหารกันให้ข้าวเรียงเม็ดในห้องอาหารนั่นแหละเย็นสบายดี แล้วก็ลงมาชมบรรยากาศชายหาดแสนสดชื่นยามเช้า พอเด็กๆ เลิกเล่นก็ขึ้นห้องอาบน้ำแต่งตัวเก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้เตรียมตัวเดินทางกลับ โดยมาส่งพี่บอลกลับบ้านแล้วไปทานข้าวกลางวันกันอีก 1 มื้อที่ ร้านทุนปู่ ตั้งอยู่บนถนนสายหลัก(เส้นทาง 323) จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ขากกลับเราก็แวะซื้อของฝากคนที่กรุงเทพฯ กันที่เดิมที่ร้านขายของฝากโรงงานวุ้นเส้นท่าเรือนั่นเอง


ถ่ายรูปร่วมกับพี่บอลอีกซักรูปก่อนกลับ ..


เจ้าแบล็ค กับเจ้ามะกอกเจ้าถิ่นที่บ้านพี่บอล ..


ปู่เกื้อ แล้วก็อาเก๋กับอาสามารถ ที่ร้านทุนปู่ ..

จากนั้นก็ขับตามเส้นทางหลักผ่านท่าเรือ ท่าทะกา ลูกแก บ้านโป่ง เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้านครปฐม ผ่านนครชัยศรี เข้าพุทธมณฑลมาเจอฝนตกหนักเอาแถวๆ นี้นี่เอง วิ่งทางราบไม่ได้ขึ้นสะพานลอยฟ้านะ มุ่งหน้าเข้าแยกบางพลัด เลี้ยวซ้ายเข้าถนนจรัญสนิทวงศ์ ข้ามสะพานพระราม 7 ข้ามแยกวงศ์สว่าง แยกประชานุกูล ข้ามวิภาวดีเข้าถนนรัขดาฯ ผ่านหน้าศาลอาญา เลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าว แล้วตรงยาวสู่บางกะปิข้ามสะพานหน้าเดอะมอลล์สู่แยกนิด้า เลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีบูรพา ถึงบ้านในเวลา 4 โมงครึ่งพอดีไม่มืดและก่อนรถจะติดด้วย ปลอดภัยแคล้วคลาดตลอดการเดินทางเพราะความไม่ประมาทและไม่ใช้ความเร็วจนเกินสมควร

ส่วนภาพเพิ่มเติมของทริปนี้ เข้าชมได้ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้
http://eclair.seesod.com/albums/view/index/5cMgcQfgSR1288247583

ส่วนภาพจากกล้องป๊ะป๋าก็ที่ลิ้งค์นี้ครับ
http://tombass.seesod.com/albums/view/index/AsN6ncUHut1288248366 

ขอแสดงความขอบคุณที่เข้ามาชมบล็อคของน้องเอแคลร์นะครับ

 

เขียนเมื่อ : วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2553 เวลา 17:00 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : ป๊ะป๋าเขียนแทนน้องเอแคลร์นะครับ